• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

คนที่ประสบความสำเร็จ เป็นเจ้าคนนายคนชอบคิดอย่างงี้

Started by Fern751, April 06, 2023, 09:32:32 PM

Previous topic - Next topic

Fern751

ตอนที่ยังเป็นนักเรียน ผู้คนจำนวนมากต่างเชื่อเสมอว่าหากได้ตั้งใจเรียน สอบติดแผนกที่ใช่

ยิ่งได้โอกาสได้งานที่ดี ค่าจ้างรายเดือนที่ดี รวมทั้งยิ่งเป็นอาชีพที่ผู้ใดก็รู้จักเช่น ข้าราชการ, วิศวกร


นักธุรกิจยิ่งน่าภาคภูมิไปใหญ่ เพราะนอกจากค่าตอบแทนรายเดือนที่ได้ ส ม น้ำ ส ม เ นื้ อ มีเป็นจำนวนมากพอที่จะจุนเจือ


ครอบครัวได้ มีสวัสดิการรองรับให้สุขสบายยังเป็นอาชีพที่นับว่า "มีหน้ามีตา" ผู้ใดก็ต้อนรับกันหมด

แม้กระนั้นในโลกของข้อเท็จจริงแล้ว อาชีพที่ "มีหน้ามีตา" ในสังคม มิได้เหมาะสมกับทุกคนเสมอ

รวมทั้งในแต่ละอาชีพ เขาก็มีการกำหนดอัตรารับสมัครแต่ละปีที่ค่อนข้างจะจำกัดน่ะสิ !

"แล้วจะเรียนไปเพราะเหตุไร ถ้าหากสุดท้ายก็ได้งานที่ไม่ตรงสาย/ งานที่น้อยคนจะรู้จัก/ เงินเดือนที่ไม่ได้มากไม่น้อยเลยทีเดียวอะไร ?"

ปริศนานี้จะได้คำตอบที่ เ ค รี ย ด มากมายเลย เนื่องจากว่ามันเต็มไปด้วยความมุ่งหวังที่มีความคิดว่า

"เรามีทางเลือกอยู่ไม่กี่อย่างในชีวิต" แม้กระนั้นถ้าทดลองกลายเป็นความคิด "ฉันดำเนินการอะไรก็ได้


ไม่ว่าจะตรงสายหรือไม่ก็ตาม" มันบางทีอาจมองประโยคขี้แพ้ในสายตาบางคน


แม้กระนั้นหากคิดๆดูแล้ว มันได้ความสบายใจ เยอะกว่าการตั้งปัญหาแบบแรกเนื่องจากความจริงของชีวิตคือ

1. มนุษย์ทุกคนมีความรู้ในตนเอง "ไม่เหมือนกัน" กันไปพวกเราไม่มีความจำเป็นต้องเก่งเช่นกันหมด

2. ในรั้วสถานศึกษา- ม ห า วิ ท ย า ลั ยถึงแม้ว่าจะเราได้เรียนกับคุณครูที่เก่งมากแค่ไหน

ขอบเขตวิชาความรู้มันก็เป็นเพียงความรู้ในรั้วเท่านั้นโลกของวัยผู้ใหญ่ที่โตขึ้น พวกเรายังต้องรู้เรื่องอีกมากมาย

ศึกษากันอีก ย า ว ลองถูกลองผิดกันอีกมากมายฉะนั้น จะมา ฟั น ธ ง ว่าเรียนมาสายวิทย์

จำเป็นต้องดำเนินการสายวิทย์ เรียนสายภาษาจำเป็นต้องดำเนินการสายภาษา มันก็ไม่ถูกเสมอ

3. มันคือเรื่องปกติที่มนุษย์เราต้องวิ่งตามหาสิ่งที่ "ใช่"

ค่อยๆเรียนรู้ ค่อยๆปรับพฤติกรรมไป สิ่งที่เรากำลังสนุกสนานเดี๋ยวนี้ อาจจะยังไม่ใช่ที่สุด

สิ่งที่พวกเราเก่งในเวลานี้ ในในภายหน้า มันบางทีอาจเป็นเพียงความจำ

เนื่องจากว่าอาจมีหลายเหตุให้คิดมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ควรต้องพับโครงการเรียนต่อเอาไว้

เนื่องจากเงินไม่เพียงพอจำเป็นจะต้องดำเนินการหาเงินก่อน และก็หลังจากนั้นจึงค่อยไปเรียนศิลปะที่เราถูกใจ ...

เราต้องมองจังหวะของชีวิตด้วย (ความจำเป็นของชีวิตแต่ละช่วง


4. สิ่งที่เราเรียนมาเป็นสิบเป็นร้อยกว่าวิชา มันคือ "การหลอมหลอม" หลายวิชามิได้

สอนพวกเราทางตรง แม้กระนั้นให้พวกเราเบาๆซึมข้อดีแต่อย่างไปเอง ดังเช่นว่า ฝึกฝนความอดทน, ฝึกความประณีตบรรจง,

ฝึกความชำนาญการเข้าสังคมในกาลครั้งหนึ่งที่พวกเราไม่เห็นประโยชน์ว่าจะใช้อะไรได้จริง พอโตขึ้นอีกหน่อย

มันก็ควรจะมีบ้างล่ะที่พวกเราคิดอะไรขึ้นมาจนจำเป็นต้องไปหา อ่ า น ปัดฝุ่นตำราเรียนอีกที

ทุกความรู้ที่เราได้รับ ไม่เคยเสียเปล่า เพียงแค่เราไม่เห็นค่ามันเอง ลองนึกดูให้ดีสิ !

5. มนุษย์เราจะต้องมีลู่ทางให้กับชีวิตไว้หลายด้าน หรือ "มีแผนในการสำรอง"

เพื่อไม่เป็นการปิ ด กั้ นตนเองจนกระทั่งเหลือเกิน เป็นต้นว่า ถ้าเกิดวุฒิที่พวกเราเรียนมามันหางาน ย า ก จะยอมรึเปล่าที่เอาวุฒิต่ำลงมากยิ่งกว่านี้หางานไปก่อน?

ถ้าเกิดพวกเราไม่ได้อาชีพนี้ เรายอมได้รึเปล่าที่จะทำอาชีพอื่นไปพลางๆก่อน?

ความฝันสิ่งที่ใช่ มันไม่สมควรเป็นสิ่งที่ได้ดังดวงใจในทันทีมันคือเรื่องปกติมากๆที่จะต้องแลกเปลี่ยนกับความอ่อนเพลีย

ความ พ ย า ย า ม หลายเท่าตัว ก็เลยไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากจะพบว่าเพราะเหตุไร ห ม อ

บางคนถึงเขียนเพลงได้?

เพราะอะไรบางคนเรียนวิชาชีพแต่ว่ามาเป็นศิลปิน?

เพราะอะไรบางบุคคลเรียนไม่จบแต่บรรลุเป้าหมาย?

ถ้าหากยังไม่เข้าในข้อนี้ ลองย้อนกลับไป อ่ า น ข้อ 4 อีกรอบขึ้นชื่อว่า "วิชาความรู้" เราได้รับมา

ถึงจะไม่ใช้ในทันทีทันใดก็ไม่ควรเสียดาย ขึ้นชื่อว่า "ความฝัน" ถึงจะยังไม่ใช่ในวันนี้

ใช่ว่าวันหน้าจะไม่มีทางเป็นไปได้ มันอยู่ที่ตัวเราล้วนๆว่า... "รู้ตัวดีไหมว่าทำอะไรอยู่?" และก็

"พร้อมจะยืดหยุ่นกับทุกสถานการณ์ชีวิตรึเปล่า?"

อย่ าลืมว่า...โลกพวกเรากลม แล้วก็มีหลายมิติ ใช่ว่าจึงควรมองดูเพียงแต่ด้านเดียว
ทำงานไม่ตรงสาย
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13507/
Tags : ข้อคิดชีวิต