• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

8 สิ่งที่ได้รู้ จากการเป็นลูกจ้างมาครึ่งชีวิต

Started by luktan1479, April 05, 2023, 04:06:42 PM

Previous topic - Next topic

luktan1479

1. ด้วยเหตุว่าพวกเรามิได้เกิดขึ้นมาเพื่อปฏิบัติงานอย่ างเดียว

เรามิได้ปฏิบัติงานแล้วแฮปปี้ทุกวี่วัน บ่อยที่พวกเรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แต่ถ้าเกิดพวกเรามีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต ดังเช่นว่า วิ่งมาราธอน, ปลูกต้นไม้ หรือแม้กระทั่งต่อ ป.โท

การเปลี่ยนโหมดมาทำเรื่องที่เราถูกใจจะทำให้อารมณ์เบิกบานขึ้น แล้วก็ เพิ่มความเชื่อมั่นและมั่นใจ เนื่องจากการเฟลจากที่ปฏิบัติงานส่วนมากมักทำให้เราเสียกำลังใจ และขาดความมั่นใจและเชื่อมั่นในตนเองในตัวเอง ส่วนตัวเรามันส่งผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน และก็ อีกเพียบเลย


ยกตัวอย่ าง... มีเพื่อนฝูงคนนึงถูกใจตัดเย็บเสื้อผ้ามากมาย ตั้งใจจริงขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร ์อาทิตย์ ขณะนี้ทำงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย จวบจนบัดนี้เปิดร้านขายออนไลน์สร้างเป็นอาชีพเสิรมที่มีรายได้มากกว่างานประจำไปละ

2. หัวหน้าก็คนนะ.. รู้ยัง

สำหรับมนุษย์เงินเดือนตัวจ้อยอย่ างเรา สิ่งที่เราเคารพยำเกรงที่สุดในสถานที่สำหรับทำงานก็คงจะหนีไม่พ้นเจ้านาย ผู้ที่เป็นหัวหน้างานเองก็มีนิสัยนาๆประการ อย่ างตัวเราเคยเจอทั้งๆที่แบบขึ้นชื่อว่าโ ห ด สุดๆทำงานมาก ไปจนกระทั่งวันๆไม่ทำหน้าที่การงาน คอยสั่งคนนู้นทีคนนี้คราว แม้กระนั้นพอใช้ได้ดูดีๆพวกเราก็พบว่า เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่า

แต่คนๆนี้มันจะมาบ่นว่าขี้คร้านตื่น หรือโดนนายสั่งงานมากมายมิได้ยังไง ทำไมน่ะเหรอ นอกจากจะโดนหัวหน้าของเค้าเองเหม็นหน้าแล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้ความเคารพนับถือด้วย หนำซ้ำบางทีก็อาจจะพาลกันเสียระบอบการปกครองทั้งทีม


ถ้าให้ชี้แนะก็อย ากจะพูดว่าพย าย ามรู้เรื่องเค้าดีมากยิ่งกว่าว่าเค้าก็เป็นมนุษย์อย่ างเราๆนี่แหละ เป็นคนดีบ้ า งคนชั่วบ้ า ง นิสัยก็แตกต่างกันบ้ า งเป็นเรื่องปกติ อย่ าเห็นว่าเรากับเค้าอยู่คนละขั้วกัน อย ากให้ดูในมุมที่ว่าถ้าพวกเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานตรงไหนไปส่งละ จริงๆหัวหน้าเลิกงานก็อย ากกลับบ้ า นไปเจอครอบครัว

ไม่ได้อย ากอยู่มืดค่ำๆให้คนที่บ้ า นเป็นห่วงหรอก เวลาว่างก็มิได้อย ากดำเนินงาน ก็อย ากไปเที่ยวเหมือนกันนั่นแหละ แต่ว่าแค่ออกหน้าขี้บ่นแบบพวกเรามิได้ ตำแหน่งมันค้ำคอ ลองนึกดู

แค่เราพรีเซ็นท์งานกับหัวหน้าก็เกร็งจะแ ย่ นี่เค้าจะต้องเอางานพวกเราไปนำเสนอกับหัวหน้าฝ่าย หรือ CEO ลูกน้องใครที่ช่วยแบ่งเบาภาระเค้าได้เยอะ เค้าก็จะรักคนนั้นเป็นปกติ

3. อย่ าเชื่อมั่นในตัวเองเกินความจำเป็นในโลกออนไลน์

คนจำนวนไม่น้อยเชื่อว่าโลกโซเชียลเป็นพื้นที่ส่วนตัว จะโ พ ส ต์ อะไรมันก็สิทธิ์ของพวกเรา แม้กระนั้นรู้รึเปล่าว่า HR ปัจจุบันนี้นอกจากจะมอง resume เราแล้ว ยังมองเ ฟ ส บุ ค ของพวกเราด้วย สหายเราที่เป็น HR รับรองมาว่า Social media บอกความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า มองเห็นไหมว่าตัวตนบนโลกอินเตอร์เน็ต

ของเรานั้นมีผลกับพวกเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อพวกเราเป็นมนุษย์เงินเดือนเต็มตัว เรื่องพวกนี้ยิ่งต้องระวัง อย่ างเราเป็นไม่แตะเฟสบุ้คเลย หรือถ้าหากจะโ พ ส ต์ /แ ช ร์อะไร ก็คิดแล้วว่าหากหัวหน้ามาเห็นก็ช่างเถอะ


ถ้าเกิดอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆชี้แนะให้แยกเฟสสถานที่สำหรับทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาธารณพด้วย เพราะเหตุว่า ส่วนมากคนภายในสถานที่ทำงานเค้าก็ขอแอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่าในที่ทำงาน คนนั้นคนนี้ เบื่องาน หัวหน้างั่ง ห้ามโ พ ส ต์ เด็ดขาด โ พ ส ต์ ปุ้บมีคนแคปปั้บแน่นอน...!! เตือนแล้วนะ

4. จุดโฟกัสที่ลู่วิ่งของพวกเรา พึงพอใจ เอาใจใส่ แต่ว่า... อย่ าเก็บทางวิ่งคนอื่นๆมาอิจฉาริษยา

ช่วงปีให้หลังมานี้ เพื่อนฝูงเราผู้คนจำนวนมากเริ่มเรียนต่อ สร้างครอบครัว บางบุคคลแปลงงานไปงานที่ค่าจ้างรายเดือนสูงสุดๆบางบุคคลเริ่มธุรกิจของตัวเอง บางครั้งพวกเราเลื่อนมองหน้าเฟสและจากนั้นก็แอบคิดนะว่า เฮ้ย...!! คนนั้นคนนี้ก้าวหน้า แล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ แต่ว่าบอกเลยว่าชีวิตพวกเขาก็ไม่ได้ดีกว่าพวกเราหรอกเผลอๆสหายหลายท่านบางทีอาจจะกำลังอิจฉาริษยาชีวิตพวกเราอยู่ก็ได้

เคยมีคนเดินมาบอกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะ... เป็นตัวเราเองก็ไม่ได้คิดเลยว่าชีวิตเราดี สิ่งที่พวกเราคัดเลือกกรองโ พ ส ต์ ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี จงจำไว้ว่าอย่ าเอาจังหวะชีวิตของเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ

จุดโฟกัสที่ทางวิ่งของพวกเรา ทราบว่าเรากำลังจะทำอะไร ทราบดีว่าปลายทางเราต้องการอะไร ทราบดีว่าวันนี้พวกเราปฏิบัติดีกว่าเมื่อวานนี้แล้วหรือยัง ก็พอเพียงแล้ว แอบมองลู่วิ่งคนอื่นๆบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงก ร ะ ตุ้ น ให้เราจริงจังกับชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆ แม้กระนั้นอย่ าเก็บมาใส่ใจกระทั่งเป็นทุกข์พอ

5. เล่นการเมืองกับทุกคน

เดี๋ยวก่อน...!! อย่ าพึ่งสะดุ้งไป.. เล่นการเมืองกับทุกคนมิได้หมายความว่า ให้เราไม่ต้องจิรงใจกับคนใดกันแน่ แต่ว่า... มีความหมายว่า " พวกเราไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด " อย่ างที่รู้กันว่าในออฟฟิศหลายๆที่

มีการเล่นพวกเล่นพ้อง หรืออยู่ๆก็จะมีเสียงแว่วมาว่า คนนี้เด็กคนนั้น ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตุมาเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าผู้ที่เล่นการเมือง (มากมายๆ) ส่วนมากปราศจากความสุข ยิ่งพวกที่ตำแหน่งโตๆแต่เล่นเค้าไว้มากนี่ห้ามเสียทีเลยจ้า มีคนคอยซ้ำมากเลย


" เล่นการเมืองกับทุกคน " ในความหมายนี่เป็น... การที่พวกเรามองว่าคนนี้เป็นคนอย่างไร จะเข้ากับเขาได้อย่ างไร ไม่ได้กล่าวว่าให้สตอเบอร์ปรี่ หรือ ฝืนตนเอง แต่ว่า... แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความชื่นชอบ

โตมาในสังคมที่แตกต่าง การที่พวกเราดูแล้วรู้ว่าจะ " อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร " ได้อย่ างไรจะมีผลให้เราเหนือกว่ามากมายๆเว้นเสียแต่วางตัวง่ายแล้ว พวกเราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมทั้งบางคนที่ดูแล้วไม่ถูกจริตกัน

การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆทักทายสวัสดีตามมารย าท ไม่จำเป็นที่จะต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย... เราไม่ทราบหรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงพวกเราเข้าไปทำงานกับผู้ใดกันแน่ ด้วยเหตุนี้ อย่ าสร้างศั ต รู เด็ดขาด ถึงมิได้ร่วมงานกันในบริษัทนี้ แต่ในอนาคต อาจได้โครจรมาร่วมงานกันในที่ใหม่ๆก็ได้

6. โดนด่าวันนี้ ดียิ่งกว่าโดนด่าตอนอายุ 50

ด้วยความที่อายุยังน้อย ความคาดหมายจากคนรอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย แม้ว่าเราจะรู้สึกกดดันสำหรับการทำงานสุดๆแต่เชื่อเถอะ เราล้มเหลววันนี้ ดีกว่าพวกเราไปล้มตอนอายุ 50 พี่ๆที่เขาอยู่จนกระทั่ง 50-60 ก็ผ่านระยะเวลาแบบเรามาแล้ว

สิ่งที่อย ากจะเสนอแนะคือ.. ใช้เวลานี้ให้คุ้ม พวกเรามิได้อายุ 20 กว่าๆตลอดไป อย ากทำอะไรทำ อย ากถามอะไรโ ง่ๆก็ให้รีบถาม พรีเซ้นแล้วมันห่วยแตกก็พรีเซ้นไปเรื่อยๆฝึกฝนไปเรื่อยโดนด่าเวลานี้

เ จ็ บ น้อยกว่าโดนดุตอนอายุ 50 มากมาย ถึงจะบกพร่อง ด้วยความยังเด็ก และก็ อ่อนประสบการณ์ คนจำนวนมากพร้อมจะยกโทษพวกเราเสมอ โดยเหตุนี้ ล้มเหลวเป็นจำนวนมากเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์

วามผิดแผกระหว่าง " เพื่อน " กับ " เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน " เป็นยังไง ที่เค้าพูดว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนฝูงย ากก็คงจะจริง สมัยประถม การหาเพื่อนฝูงใหม่ไม่ย ากเท่ายุคมัธยม แล้วก็การหาเพื่อนพ้องในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแปลว่ายิ่งเราโตขึ้นเท่าไหร่ พวกเราจะหาเพื่อนพ้องย ากขึ้นเท่านั้น และไม่จำต้องบอกเลยว่าการหาสหายที่แท้ดวงใจคนนึงในที่ทำงานมันย ากแค่ไหน


นอกจากจะมีเรื่องผลตอบแทน ทั้งยังตำแหน่ง ค่าตอบแทนรายเดือน การประมาณ เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของคนเราค่าจ้างรายเดือนอย่ างพวกเราเป็นไปทำงาน ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานสัมพันธ์หาเพื่อนฝูง โดยเหตุนี้วันๆพวกเราก็เลยจะเจอแค่สหายร่วมกลุ่ม ซึ่งจำนวนมากแล้วหลังจากนั้นก็เป็นการคุยกันเพียงแค่เรื่องงานเท่านั้น

พวกเราโชคดีที่เจอทีมที่ดี คุยได้ทั้งเรื่องส่วนตัวรวมทั้งเรื่องงาน พูดได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และก็เพื่อนร่วมงานในครั้งเดียวกัน การมีกลุ่มที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจอย่างงี้ เราคิดว่ามันคือผลกำไรชีวิต พย าย ามหาคนพวกนี้ให้พบในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดเดียวก็ยังดี ) ไม่จำเป็นต้องอยู่ทีมเดียวกันก็ได้ เพียงแค่ได้พบเห็น

สนทนาแลกเปลี่ยนความเซ็งก็ดีแล้ว ให้พวกเราลองถามตัวเองว่า "หากเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้ทานข้าวอยู่ไหม" ถ้าหากคำตอบเป็นใช่ ยินดีด้วย คุณเจอเพื่อนพ้องจริงๆในที่ทำงานแล้ว

7. หาผู้ที่เป็นมากกว่า " สหายร่วมงาน " ให้เจอ แล้วจะอย ากไปทำงานมากขึ้น

ความต่างระหว่าง " เพื่อน " กับ " เพื่อนร่วมงาน " คืออะไร ที่เค้ากล่าวว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนย ากก็คงจะจริง สมัยประถม การหาเพื่อนพ้องใหม่ไม่ย ากเท่ายุคมัธยม รวมทั้งการหาเพื่อนในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันมีความหมายว่ายิ่งพวกเราโตขึ้นมากแค่ไหน พวกเราจะหาเพื่อนฝูงย ากขึ้นแค่นั้น

และไม่ต้องบอกเลยว่าการหาสหายแท้จริงจิตใจคนนึงในที่ทำงานมันย ากขนาดไหน นอกเหนือจากที่จะมีเรื่องผลตอบแทน ทั้งตำแหน่ง ค่าจ้างรายเดือน การประมาณ เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของคนเราเงินเดือนอย่ างพวกเราคือไปทำงาน มิได้ไปทำกิจกรรมสานสัมพันธ์หาเพื่อนพ้อง ด้วยเหตุผลดังกล่าววันๆเราจึงจะพบแค่สหายร่วมกลุ่ม ซึ่งโดยมากรวมทั้งเป็นการคุยกันเพียงแค่เรื่องงานเท่านั้น

พวกเราโชคดีที่พบกลุ่มที่ดี คุยได้อีกทั้งเรื่องเฉพาะบุคคลแล้วก็เรื่องงาน กล่าวได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน รวมทั้งสหายร่วมงานในคราวเดียวกัน การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้ววางใจอย่างนี้ พวกเรามีความรู้สึกว่ามันคือกำไรชีวิต

พย าย ามหาคนกลุ่มนี้ให้พบในสังคมการทำงาน แล้วพวกเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดนึงก็ยังดี ) ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่กลุ่มเดียวกันก็ได้ เพียงแค่ได้เผชิญ คุยแลกเปลี่ยนความเซ็งก็ดีแล้ว ให้เราลองถามตัวเองว่า "ถ้าพวกเราลาออกจากที่นี่ พวกเรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้ทานข้าวอยู่ไหม" ถ้าคำตอบเป็นใช่ ยินดีด้วย คุณเจอเพื่อนพ้องจริงๆในที่ทำงานแล้ว

8. ควรเป็น " ผู้รับจ้างมือโปร "

สรุปสั้นๆตามหัวข้อเลย ถ้าหากอย ากประสบผลสำเร็จ และ มีความสุข จงเป็น " ลูกจ้างมืออาชีพ " ให้ได้ บอกง่ายแม้กระนั้นทำย ากนะ เนื่องจากว่าลูกจ้างมืออาชีพก็คือคนที่ใส่ใจได้ว่า " พวกเราถูกว่าจ้างมาด้วยค่าตอบแทนปริมาณหนึ่ง " นั่นหมายความว่าบริษัทเค้าอยากอะไรบางอย่ างจากเราแลกเปลี่ยนกับค่าตอบแทนนั้นๆ

พวกเราจะต้องรู้ว่าบริษัทว่าจ้างเรามาทำอะไร และ ทำมันให้ดีกว่าที่บริษัทคาดหวังถ้าอยากได้ความก้าวหน้าในหน้าที่ ถ้าเกิดงานที่ทำอยู่คิดว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของเรา ก็ไม่สมควรทรหดอดทนทำไป


ควรหางานที่พวกเราทำแล้วพวกเรามีความสุขแล้วก็ทำได้ดีเพื่อดึงศักยภาพของตัวเองออกมาให้สูงที่สุด นอกจากจะทำให้เราเติบโตในหน่วยงานแล้ว ยังเป็นเหตุให้พวกเราปรับปรุงตนเองอยู่เสมอเวลาและไม่เบื่อด้วย

เมื่อถึงจุดๆหนึ่งเราจะทราบเองว่าควรจะไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ชอบให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าบุคคลอื่น อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกจำนวนกี่ครั้งก็ได้ ถ้าหากท้ายที่สุดพวกเราเจอสายอาชีพที่พวกเรารักและก็อย ากทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มมากมาย

รวมทั้งด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน " เราถูกว่าจ้างมาด้วยค่าแรงปริมาณหนึ่ง " อย่ าทำงานหนักเกินกว่าค่าตอบแทนจนเกินไป ทุ่มเทได้ แต่ควรจะมีผลที่ดีตามออกมาด้วย ดังเช่นได้ปรับเงินเดือน ได้ประเมินดี

หาเวลาอยู่กับบิดามารดา พี่น้องๆบ้ า ง หันกลับไปมองดูข้างหลังบ้ า งว่าผู้ที่เป็นบันไดให้พวกเรามายืนจุดนี้ ช่วงนี้เค้าเป็นอย่างไรกันบ้ า งนะ...? อย่ าลืมว่าบิดามารดาอายุเพิ่มขึ้นวันแล้ววันเล่า ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย ถ้าเกิดเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้แก่ท่านแล้วหาเวลาไป มันไม่ทุกข์ยากลำบากหรอก แลกกับความสุขของพ่อแม่
ลูกจ้าง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13457/