• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

ถึงคราว FTX ล่มสลาย!! มันเกิดอะไรขึ้นกับเหรียญ FTT

Started by Cindy700, November 11, 2022, 07:52:16 PM

Previous topic - Next topic

Cindy700


ดราม่า FTX ไม่ทันไรก็ถึงกาลอวสานของ FTX Exchange หลังจากมีข่าวการเทขายเหรียญจาก Binance ได้ไม่นาน เป็นเหตุให้มีการขุดคุ้ยถึงสภาพคล่อง (สถานการณ์ทางการเงิน) ของ FTX ซึ่งพบว่ามีการขาดทุนจนเป็นเหตุให้ไม่สามารถถอนเงิน หรือโอนเหรียญออกจาก Exchange ได้

อนาคตของ FTX และ Sam Bankman-Fried จะเป็นอย่างไร? เกิดผลกระทบวงกว้างอย่างกรณีของ LUNA หรือไม่? โปรดติดตาม

*มันเกิดอะไรกับเหรียญ FTT??

หลายคนน่าจะได้ยินดราม่าเกี่ยวกับ Sam Bankman-Fried แห่ง Exchange อย่าง FTX.Com กับ CZ แห่ง Binance แล้ว โดยเริ่มต้นที่ CZ แห่ง Binance ได้ Tweet บอกว่าจะทยอยขายเหรียญ FTT ทิ้ง โดยไม่ให้กระทบกับตลาด

เหตุนี้เองทำให้เหล่าโซเชียลเริ่มสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น? และเมื่อย้อนดูพบว่าก่อนหน้านี้ Binance ได้มีการไปลงทุนกับ FTX แล้วได้รับผลตอบแทนเป็นเหรียญ BUSD กับ FTT กลับมา และเพื่อความโปร่งใส ทาง Binance จำเป็นต้อง Liquidate เหรียญ FTT ออกจากงบดุล หรือพูดง่าย ๆ คือ เทขายเหรียญนั่นเอง

ทุกคนลองคิดดูว่าถ้า Binance เทเหรียญ FTT แน่นอนว่าราคาร่วงลงและกราฟหัวทิ่มแน่นอน ซึ่งก็เป็นดังคาด และเหตุนี้เองที่ทำให้บรรดาเหล่าโซเชียลต่างขุดคุ้ยเรื่องราวของ Sam Bankman-Fried กับสถานการณ์ของ FTX ว่าตอนนี้มีปัญหาเรื่องการเงินหรือไม่

และเมื่อเริ่มมีข่าวที่ไม่ดีเกี่ยวกับ FTX Exchange แน่นอนว่าเหล่านักเทรดต่างพากันโอนเหรียญออกจาก FTX Exchange เปรียบเหมือนคนแย่งขึ้นทางด่วน ทำให้ Transaction และการทำธุรกรรมต่าง ๆ ก็ยิ่งช้า ถอนเงินออกก็ช้า ซึ่งสอดคล้องกับข่าวที่ว่า FTX กำลังประสบปัญหาเรื่องสภาพคล่องทางการเงินพอดี อีกทั้งเพจคริปโทฯ ชื่อดังก็ออกมาเตือนถึงเหตุการณ์นี้ด้วย

และหลังจากที่ CZ ได้ทำการ tweet ว่าจะเทเหรียญได้ไม่นาน Caroline, CEO ของ Alameda Research ซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกันกับ FTX ก็ tweet ทันที ว่าถ้าอยากขายก็พร้อมจะรับซื้อคืนที่ 22 ดอลลาร์ ซึ่งภายหลังก็ได้มีการลบ tweet นี้ไปแล้ว

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเหรียญ FTT ทำให้คนขาดความเชื่อมั่น จึงเทขายออกมามาก ส่งผลให้ราคาร่วงลงต่ำ ทำให้มีหลายคนออกมาแชร์กันว่าเหรียญ FTT ไม่มีประโยชน์เลย ซึ่งจริง ๆ แล้วเหรียญ FTT ก็มีการใช้งานใน Ecosystem ที่หลากหลาย อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรมองทั้ง 2 ด้าน อย่ามองเพียงแค่การเก็งกำไรเท่านั้น

ทั้งนี้ ทาง CZ ได้ออกมา tweet อัพเดตสถานการณ์ว่า จะมีการเข้าไป acquire หรือเข้าซื้อ กิจการของ FTX แต่ว่าต้องทำการ Due Diligence ก่อน ซึ่งตรงกับ tweet ของ Sam Bankman-Fried ที่ tweet มาในลักษณะเดียวกัน แต่เมื่อดูรายละเอียดใน tweet แล้วจะพบว่าเป็นดีล Non-Binding ที่แปลว่าไม่มีภาระผูกพันทางกฎหมาย ซึ่งหมายความว่า หาก Due Diligence ไม่สมบูรณ์หรือผิดพลาด ก็อาจทำให้การเข้าไป take กิจการในครั้งนี้ไม่เกิดขึ้นก็ได้

อย่างไรก็ตาม จาก tweet ล่าสุด CZ ได้ออกมา tweet อีกครั้งว่าจากการทำ Due Diligence ทาง Binance ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เข้าซื้อกิจการ

เหรียญ FTT จะเป็นอย่างไร จากเมื่อเดือนกันยายนที่ราคาแตะ 85 ดอลลาร์ ตอนนี้เหลือเพียง 2 ดอลลาร์เท่านั้น แถมตอนนี้โอนเหรียญออกจาก Exchange และถอนเงินออกมาไม่ได้ ทาง Binance ก็ไม่เข้าไป Takeover แล้ว อนาคตของ FTX คงจบไม่สวย??

*เหรียญ JFIN พุ่งขานรับ JMART เข้าถือหุ้น "สุกี้ ตี๋น้อย"

ในวงการคริปโทฯ ไทยหลายคนคงคุ้นชินกับเหรียญ "JFIN" ที่พัฒนาโดย บมจ. เจ มาร์ท (JMART) ซึ่งล่าสุดทาง JMART ได้ประกาศเข้าลงทุนใน บริษัท บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด (BNN) ซึ่งคือเจ้าของแบรนด์ร้าน "สุกี้ตี๋น้อย" โดยการลงทุนครั้งนี้มีมูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการเข้าถือหุ้นกว่า 30%

และทันทีที่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 8 พ.ย. 65 ที่ผ่านมา ราคาเหรียญ JFIN บนกระดานเทรด BITKUB ก็พุ่งทะยานจากราคา 18 บาท ไปแตะจุดสูงสุดในรอบวันที่ราคา 26 บาททันที ดังนั้น นักลงทุนคนใดที่ตั้งใจเข้าไปเก็งกำไรเหรียญต้องติดตามข้อมูลให้ดี

*เหรียญบิทคอยน์ ทำลายตัวเองได้ด้วยเหรอ??

ช่วงนี้ตลาดคริปโทฯ อยู่ในช่วงขาลงหนัก ทำให้เริ่มมีคำถามเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น จนเมื่อ 2-3 วันก่อนมีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กคนหนึ่งได้โพสต์ถามคำถามในกลุ่มปิดที่ชื่อว่า "Siamese Bitcoiners" ว่า Bitcoin มีระบบทำลายตัวเอง หรือว่า Backdoor

ทางอาจารย์พิริยะ สัมพันธารักษ์ หรือที่รู้จักกันในนาม อ. ตั๊ม พิริยะ ได้เข้าไปตอบว่า "ลองหาสิครับ แต่หากันมาหลายร้อยคน กว่า 13 ปีก็ยังไม่มีใครเจอนะ" นับว่าเป็นเรื่องขำขันในวงการ เพราะ Code ของบิทคอยน์มีการเปิดเผยเป็นสาธารณะอยู่ใน "Github" อยู่แล้ว ซึ่งตลอด 13 ปีที่ผ่านมาก็มีโปรแกรมเมอร์หลายคนที่พยายามหาช่องโหว่หรือข้อผิดพลาดของ Code ชุดนี้ แต่ก็ยังไม่เจอ นั่นจึงเป็นข้อยืนยันของบิทคอยน์ที่มีจำนวนจำกัดถูก Halving ทุก 4 ปี และจะค่อย ๆ หมดไปในไม่ช้า

แต่ช่วงนี้สาย HODL อาจมีสะเทือนบ้าง เพราะว่าตลาดหมีช่วงนี้หนักจริง ๆ ยังไม่เห็นจุดต่ำสุดกันเลย นักลงทุนอย่าลืมประเมินความเสี่ยงก่อนเข้าลงทุน

ทั้งหมดนี้คือ Crypto SHOT ข่าวสารวงการคริปโทฯ ที่ใครก็อยากรู้

https://www.youtube.com/watch?v=kXIwuA4x_iA