• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - luktan1479

#3811
Krungthai GLOBAL MARKETS เผยเงินบาทเปิด 38.03 บาทต่อดอลลาร์ "ทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง" จับตาฟันด์โฟลว์ต่างชาติ

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของเฟด เพื่อคุมปัญหาเงินเฟ้อ ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำให้ ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง -1.73% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -1.06% นอกจากนี้ รายงานข้อมูลตลาดแรงงานล่าสุด อย่าง ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ที่ลดลงแตะระดับ 217,000 ราย ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ก็ยังสะท้อนภาพตลาดแรงงานที่ยังคงแข็งแกร่งและตึงตัวอยู่ ทำให้ผู้เล่นในตลาดมองว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยจนแตะจุดสูงสุด (Terminal Rate) ราว 5.25% (จาก CME FedWatch Tool)

ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ของยุโรป ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง -0.93% กดดันโดยแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยของเฟด รวมถึงการเร่งขึ้นดอกเบี้ย +0.75% ล่าสุดของธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ส่งผลให้ ผู้เล่นในตลาดยังคงเทขายหุ้นกลุ่มเทคฯ อาทิ Adyen -8.0%, ASML -4.0% นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังถูกกดดันจากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจอังกฤษเข้าสู่ภาวะถดถอยตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ และอาจดำเนินต่อไปจนถึงช่วงกลางปี 2024

ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เคลื่อนไหวผันผวน โดยมีจังหวะปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 4.20% ตามแนวโน้มเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ก่อนที่จะพลิกกลับมาปรับตัวลดลงสู่ระดับ 4.15% ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงหนัก หลังจากที่ล่าสุดธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ได้ระบุว่าเศรษฐกิจอังกฤษอาจเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ยาวนาน ซึ่งความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงหนักได้หนุนให้ผู้เล่นในตลาดต่างรอจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นในการทยอยเข้าซื้อสะสม

ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ทำให้ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นใกล้ทดสอบระดับ 113 จุด อีกครั้ง หนุนโดยแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากความต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) ในจังหวะที่ตลาดอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง ขณะเดียวกัน การอ่อนค่าลงต่อเนื่องของเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) -0.7% สู่ระดับ 1.117 ดอลลาร์ต่อปอนด์ จากความกังวลเศรษฐกิจอังกฤษเข้าสู่ภาวะถดถอย ก็มีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ ทั้งนี้ แม้ว่าการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์จะกดดันราคาทองคำจนแตะระดับโซนแนวรับ 1,620 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทว่าราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ก็สามารถพลิกกลับมารีบาวด์ขึ้นใกล้ระดับ 1,632 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงหนัก ซึ่งหนุนให้ผู้เล่นบางส่วนยังทยอยเข้าซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวเพื่อถือทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย

สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานข้อมูลตลาดแรงงาน โดยตลาดประเมินว่า ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) เดือนตุลาคมก็อาจลดลงเล็กน้อยสู่ระดับ 1.9-2.0 แสนราย ซึ่งจะสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของอัตราว่างงาน (Unemployment) สู่ระดับ 3.6% ทว่า อัตราการเติบโตของค่าจ้างรายชั่วโมง (Average Hourly Earnings) จะยังอยู่ในระดับสูง +4.7%y/y แม้ว่าจะชะลอลงมาบ้าง แต่ก็ยังสะท้อนว่าแรงกดดันเงินเฟ้อจากตลาดแรงงานนั้นยังคงมีอยู่ ซึ่งภาพรวมของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ยังคงแข็งแกร่งและตึงตัว จะทำให้เฟดสามารถเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องได้ จนกว่าจะเห็นสัญญาณการชะลอตัวลงที่ชัดเจนของทั้งตลาดแรงงานสหรัฐฯและเงินเฟ้อ

ส่วนในฝั่งไทย เราคาดว่าระดับฐานราคาที่อยู่ในระดับสูงในปีก่อนหน้าจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI เดือนตุลาคม ชะลอลงสู่ระดับ 6.1% อนึ่ง ผลกระทบจากอุทกภัยในหลายพื้นที่จะหนุนราคาสินค้าเกษตรให้อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง นอกจากนี้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงก็มีการปรับตัวขึ้นราว +0.7% จากเดือนก่อนหน้า

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าลงได้ ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์และภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาด นอกจากนี้ ท่าทีของทางการจีนที่ยังไม่ส่งสัญญาณพร้อมผ่อนคลายมาตรการ Zero COVID ก็อาจกดดันให้เงินหยวนของจีน (CNY) ผันผวนในฝั่งอ่อนค่า ซึ่งสามารถกระทบต่อภาพรวมของสกุลเงินในฝั่งเอเชียได้เช่นกัน

อย่างไรก็ดี เรามองว่า การอ่อนค่าของเงินบาทอาจมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไปหลังจากที่เงินบาทได้อ่อนค่าเหนือโซนแนวต้าน 38.00 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งต้องจับตาทิศทางราคาทองคำ รวมถึงฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ทั้งโฟลว์ในฝั่งตลาดหุ้นและตลาดบอนด์ เพราะหากนักลงทุนต่างชาติไม่ได้เทขายสินทรัพย์ไทยรุนแรงและราคาทองคำไม่ได้ปรับตัวลงหนัก เราประเมินว่า เงินบาทก็อาจไม่ได้อ่อนค่าไปมากนักจากโซนแนวต้าน ส่วนในโซนแนวรับของเงินบาทจะอยู่ในช่วง 37.50-37.70 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งคาดว่าเป็นระดับที่บรรดาผู้นำเข้าต่างรอทยอยเข้าซื้อเงินดอลลาร์

ในช่วงที่ตลาดการเงินผันผวนสูงจากความไม่แน่นอนของหลายปัจจัย เราคงแนะนำให้ผู้ประกอบการควรใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะการใช้ Options ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงได้ดีในช่วงที่ตลาดผันผวนหนัก มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 37.85-38.10 บาท/ดอลลาร์
#3812
ล้างหัวฉีดTEANA การทำความสะอาดหัวฉีดจะช่วยปรับ ซ่อมเครื่องยนต์ รถทุกชนิต ล้างหัวฉีดTEANA หัวฉีดจ่ายน้ำมันได้ตลอด เป็นละอองฝอย เผาไหม้บริบูรณ์ ลดคราบเขม่า ควันดำ ไม่ ล้างหัวฉีดTEANA เกิดมลภาวะช่วยออมน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งยังเมื่อไม่มีสิ่งสกปรกมาตัน ก็จะช่วยลดการกร่อน ซ่อมช่วงล่าง แอร์ ได้นาโม ล้างหัวฉีดTEANA ต่ออายุหัวฉีดให้ใช้งานนานขึ้น การล้างหัวฉีด จะช่วยต่ออายุการใช้แรงงานของรถยนต์ให้ยาวนานขึ้น
https://bit.ly/3sSbzx6
#3813
'สินิตย์' เตรียมเยือนกัมพูชา ร่วมวงประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ผลักดันร่างวิสัยทัศน์ฯ ภายหลังปี 2568 และการพัฒนาที่ยั่งยืน

'สินิตย์' เตรียมประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ 21 ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา 10 พ.ย.นี้ ร่วมสรุปผลการดำเนินงาน ทั้งการอัปเกรด ATIGA การฟื้นฟูเการท่องเที่ยวหลังโควิด-19 ผลการประเมินความพร้อมของติมอร์-เลสเต เข้าเป็นสมาชิกอาเซียน ก่อนชงสุดยอดผู้นำอาเซียน พร้อมถกรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน-ขนส่ง-เกษตรและป่าไม้ ผลักดันแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน และความเป็นกลางทางคาร์บอน

นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ให้เข้าร่วมการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Council) ครั้งที่ 21 ระดับรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ซึ่งกัมพูชาเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น ในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เพื่อสรุปผลการดำเนินงานก่อนเสนอที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 40 และ 41 รวมทั้งจะประชุมร่วมกับรัฐมนตรีอาเซียน 3 สาขา ได้แก่ ด้านพลังงาน ด้านการขนส่ง และด้านเกษตรและป่าไม้

"สำหรับไฮไลท์ของการประชุมมี 2 เรื่องสำคัญ คือ การพิจารณาจัดทำองค์ประกอบหลักของร่างวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ภายหลังปี 2568 (Post-2025 Vision) ในส่วนของเสาเศรษฐกิจ เพื่อรวมเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ฉบับใหม่ ซึ่งจะเสนอให้ผู้นำอาเซียนรับรองในปี 2568 และเตรียมการเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืนของอาเซียน โดยจะมีการหารือร่วมกับรัฐมนตรีอาเซียน 3 สาขา ได้แก่ ด้านพลังงาน ด้านการขนส่ง และด้านเกษตรและป่าไม้ เพื่อหาแนวทางผลักดันอาเซียนให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development) และความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)" นายสินิตย์กล่าว

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมจะมีการติดตามความสำเร็จของประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ (PriorityEconomic Deliverables: PEDs) ที่กัมพูชาในฐานะประธานอาเซียนผลักดันให้สำเร็จในปีนี้ โดยเฉพาะประเด็นการเริ่มเจรจายกระดับความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ATIGA) พร้อมหารือแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 โดยจะให้ความเห็นชอบปฏิญญาพนมเปญว่าด้วยการพลิกโฉมการท่องเที่ยวอาเซียน ซึ่งเป็นเอกสารแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศสมาชิกต่อการฟื้นฟูการท่องเที่ยวหลังโควิด-19 รวมทั้งรับทราบผลการประเมินเชิงลึกถึงความพร้อมของติมอร์-เลสเต ในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกของอาเซียน เพื่อสรุปผลการดำเนินงานเสนอต่อผู้นำอาเซียนต่อไป

นอกจากนี้ จะมีการรับรองเอกสารสำคัญ อาทิ แผนดำเนินงานตามกรอบการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียน ปี ค.ศ. 2023-2030 ซึ่งเป็นแนวทางที่อาเซียนสามารถนำระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนมาปรับใช้ให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน และเอกสารแนวคิดเรื่องยุทธศาสตร์อาเซียน เพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งยุทธศาสตร์ดังกล่าวจะช่วยเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ เช่น อาเซียนจะเป็นแหล่งดึงดูดการลงทุนด้านการปล่อยคาร์บอนต่ำ และช่วยส่งเสริมนวัตกรรมตลอดห่วงโซ่มูลค่า เป็นต้น

ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือน (ม.ค. - ก.ย. 2565) การค้าระหว่างไทยกับอาเซียน มีมูลค่า 96,850.57 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 20 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยไทยส่งออกไปอาเซียนมูลค่า 55,997.16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยนำเข้าจากอาเซียนมูลค่า 40,853.41 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดส่งออกและแหล่งนำเข้าสำคัญของไทยในอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์
#3814
แพ็คเกจมัลดีฟส์ พาเที่ยว เดินทางปลอดภัย ราคาประหยัด แพ็คเกจมัลดีฟส์ มีไกด์ดูแล บ้านพัก เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ แพ็คเกจมัลดีฟส์ สบายสะบาย อาหารอร่อย มีพนักงานดูแลท่านตลอดเส้นทาง ยินดีให้คำแนะนำ แพ็คเกจมัลดีฟส์ ปี2565 -2566
https://bit.ly/3FCulQI
#3815
ติดต่อ :
Email : info@cctgroup.co.th
เบอร์โทรศัพท์ : 0816428556
Website : https://cctmed.com/
CCTMedical หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ อุปกรณ์ทางการแพทย์
#3816
Plantbased food เราคือช่วยให้คุณฟื้นฟูสุขภาพแล้วก็การดำรงชีวิตที่ดีของคุณ เพียงแค่เล็กๆน้อยๆ ที่ Plantiful พวกเรามุ่งเน้นที่การใช้ ส่วนผสมที่คุณวางใจได้และได้รับ การผลักดัน จากวิทยาศาสตร์ พวกเราเชื่อว่าสุขภาพคือความรวยสูงสุด Plantbased food รวมทั้งเป้าหมายของ Plantbased food ของกินของเราเน้นที่อาหารจริงจากแหล่งพืชที่ไม่ผ่านผู้กระทำลั่น Plantbased food แล้วก็ผ่านกระบวนการ
#3817
ล้างหัวฉีดAccord การทำความสะอาดหัวฉีดจะช่วยปรับ ซ่อมเครื่องยนต์ รถทุกชนิต ล้างหัวฉีดAccord หัวฉีดจ่ายน้ำมันได้ตลอด เป็นละอองฝอย เผาไหม้บริบูรณ์ ลดคราบเขม่า ควันดำ ไม่ ล้างหัวฉีดAccord กำเนิดมลพิษช่วยออมน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งเมื่อไม่มีสิ่งสกปรกมาตัน ก็จะช่วยลดการกร่อน ซ่อมช่วงล่าง แอร์ ได้นาโม ล้างหัวฉีดAccord ยืดอายุหัวฉีดให้ใช้งานนานขึ้น การล้างหัวฉีด จะช่วยต่ออายุการใช้แรงงานของรถยนต์ให้ยาวนานขึ้น
https://bit.ly/3hawCbP
#3818
ทัวร์อียิปต์ ล่องแม่น้ำไนล์ นำเที่ยว เดินทางไม่เป็นอันตราย ราคาประหยัด ทัวร์อียิปต์ ล่องแม่น้ำไนล์ มีไกด์ดูแล บ้านพัก โรงแรม ทัวร์อียิปต์ ล่องแม่น้ำไนล์ สบายสะบาย ของกินอร่อย มีบุคลากรดูแลท่านตลอดเส้นทาง ยินดีให้คำแนะนำ ทัวร์อียิปต์ ล่องแม่น้ำไนล์ ปี2565 -2566
#3819
กรุ๊ปเหมาจอร์เจีย พาเที่ยว เดินทางปลอดภัย ราคาย่อมเยา กรุ๊ปเหมาจอร์เจีย มีไกด์ดูแล ที่พัก บังกะโล กรุ๊ปเหมาจอร์เจีย สะดวกสะบาย ของกินอร่อย มีบุคลากรดูแลท่านตลอดทาง ยินดีให้คำแนะนำ กรุ๊ปเหมาจอร์เจีย ปี2565 -2566
https://bit.ly/3FEpNcq
#3820
ซิลิโคนฝังชิพ คลินิก เป็นสถานพยาบาลเวชกรรมเฉพาะทางด้านศัลยศาสตร์ตกแต่ง ที่ได้รับ ซิลิโคนฝังชิพ การยืนยันประสิทธิภาพให้เป็นคลินิกที่ได้มาตรฐานทางการแพทย์ ซิลิโคนฝังชิพ ที่มีห้องผ่าตัดขนาดใหญ่เสมอกันโรงหมอโดยกระทรวงสาธารณสุข เปิดให้บริการด้านศัลยกรรมตกแต่งโดยหมอ จบกระดานเฉพาะทาง และ เสริมความงาม ด้านผิวพรรณ ภายใต้การดูแลโดย พันตรีหมอ ธีรภัทร์ ดวงใจประสาท คุณครูแพทย์ ซิลิโคนฝังชิพ เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง มีความมุ่งมั่นให้บริการทุกท่าน
#3821
จำหน่าย หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ หน้ากากอนามัย ผลิตตรงจากโรงงาน

ผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ CCTMedical ได้รับใบรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพการกรองแบคทีเรียจาก Nelson Laboratories  ผ่านการรับรองมาตรฐาน SGS ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นผู้นำในการบริการด้านการห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ จำหน่ายหน้ากากอนามัย เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นที่ที่มีชื่อเสียงด้านการวิจัยและทดสอบผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ของเรามีหลากหลาย อาทิ หน้ากากอนามัย, จำหน่ายหน้ากากอนามัยทางการแพทย์, แคปซูลเปล่า, แคปซูลเปล่าเจลลาติน

ติดต่อ :
Email : info@cctgroup.co.th
เบอร์โทรศัพท์ : 0816428556
Website : https://cctmed.com/
CCTMedical หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ 
#3822

ดอลลาร์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลักในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะผ่อนคันเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.

ณ เวลา 18.18 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.52% สู่ระดับ 110.94 ขณะที่ดอลลาร์ร่วงลง 0.982% สู่ระดับ 147.25 เยน และอ่อนค่า 0.45% สู่ระดับ 0.993 เทียบยูโร

นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมนโยบายการเงินสัปดาห์นี้ และจะปรับขึ้นเพียง 0.50% ในการประชุมเดือนธ.ค. หลังการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว

นอกจากนี้ มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่เฟดเริ่มแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า เจ้าหน้าที่เฟดบางรายแสดงความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในขณะนี้ รวมทั้งวิตกเกี่ยวกับความเสี่ยงในการคุมเข้มนโยบายการเงินมากเกินไป

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 87% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 1-2 พ.ย. และให้น้ำหนัก 51.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.

หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนพ.ย. ก็จะส่งผลให้เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกัน 4 ครั้ง หลังจากปรับขึ้น 0.75% ในเดือนมิ.ย.,ก.ค.และก.ย.
#3823
Balance P
*ก่อนซื้อสอบถามปรึกษาเพื่อการแนะนำการทานที่ถูกต้อง
เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง
LINE: @balances
#3824
Balance U core
สอบถามปรึกษาแนะนำและแนะนำวิธีทานถูกต้องและสั่งซื้อ
LINE: @balances
#3825

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวลง หลังจากดัชนีปรับตัวขึ้นไปค่อนข้างมากอาจจะลดช่วงบวกลงมา คาดว่าจะมีแรงขายทำกำไรลดความเสี่ยงก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐคืนนี้ ซึ่งตลาดคาดว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ทำให้จะเป็นแรงกดดันต่อดัชนี

อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นมา ทำให้ช่วยหนุนหุ้นพลังงาน คาดว่าจะช่วยพยุงดัชนีไว้ได้ในระดับหนึ่ง และกระแสข่าวการเตรียมกลับมาเปิดประเทศของจีน น่าจะทำให้ยังมีแรงซื้อเข้ามาหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวหนุนได้

ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เปิดมาปรับตัวลงเล็กน้อย

วันนี้ให้แนวต้าน 1,630 และ 1,640 จุด แนวรับ 1,620 และ 1,610 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (1 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,653.20 จุด ลดลง 79.75 จุด หรือ -0.24%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,856.10 จุด ลดลง 15.88 จุด หรือ -0.41% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,890.85 จุด ลดลง 97.30 จุด หรือ -0.89%
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,562.30 จุด ลดลง 116.62 จุด หรือ -0.42%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 15,389.55 จุด ลดลง 65.72 จุด หรือ -0.43% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,960.65 จุด ลดลง 8.55 จุด หรือ -0.29%
ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (1 พ.ย.65.) ที่ระดับ 1,625.73 จุด เพิ่มขึ้น 16.97 จุด, +1.05%
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 6,201.57 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 พ.ย.65
ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.(1พ.ย.)เพิ่มขึ้น 1.84 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 88.37 ดอลลาร์/บาร์เรล
ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 พ.ย.) อยู่ที่ 3.80 ดอลลาร์/บาร์เรล
เงินบาทเปิด 37.68 แข็งค่ารับข่าวจีนเล็งเปิดประเทศ คาดกรอบ 37.50-37.80
"กฤษฎีกา" ฟังความคิดเห็น ร่างกฎกระทรวงต่างชาติซื้อที่ดิน 1 ไร่ เตรียมสรุปข้อเสนอรายประเด็น แจงกฎหมายรัดกุมขึ้นเพราะต้องได้วีซ่าระยะยาวก่อน เผยไม่ปิดกั้นแนวทาง เช่าระยะยาว นายกฯเรียก "สุพัฒนพงษ์-ชโยทิต" หาทางเคลียร์ปัญหา "สมคิด" แนะแก้ปมให้ต่างชาติเช่า 99 ปีบวกเงื่อนไขพัฒนาพื้นที่ ห่วงทุนต่างชาติฮุบที่อยู่คนไทย "หอการค้า" ศึกษาข้อเสนอรัฐบาล ชี้รัฐตั้งใจดีหาช่องดึงลงทุน
ครม.ปลดล็อกผลิตเบียร์-สุราพื้นบ้านเสรี ยกเลิกการกำหนดทุนจดทะเบียนสำหรับผู้ขอผลิตเบียร์ และยกเลิกกำหนดกำลังการผลิตขั้นต่ำ สุรากลั่นหรือสุราพื้นบ้านให้เพิ่มกำลังการผลิตจาก 5 แรงม้า เป็น 50 แรงม้า "วิษณุ" ชี้ไม่ได้ปาดหน้าพรรคก้าวไกล
บอร์ด ททท.ไฟเขียวเป้าหมายปี 2566 ดันไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงสุดติด 1 ใน 5 ของโลก พร้อมกาง 3 ซีนาริโอ ดันรายได้ท่องเที่ยว 1.25-2.38 ล้านล้านบาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 11-30 ล้านคน เดินหน้ารุกหนักทำตลาดระหว่างจีนยังไม่กลับ แต่ยังคาดต่างชาติมีโอกาสแตะ 18-30 ล้านคนหากจีนเปิดประเทศ ล่าสุดจีนทยอยแง้มประตู บิ๊ก OTA จีนเริ่มพรีเซลล์ขายเมืองไทยตั้งแต่ 1 ม.ค.
นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน เตรียมจัด "มหกรรมร่วมใจแก้หนี้" ทั่วทุกภาค ครม.อนุมัติงบ 600 ล้านบาท ชดเชยหนี้เสียโครงการ "สินเชื่อแก้หนี้เพิ่มทุน" ของ ธ.ออมสิน วงเงินรวม 2,000 ล้านบาท ปล่อยกู้รายละ 2 หมื่นบาท/ราย ไม่ต้องมีหลักประกัน ปลอดเงินต้น 6 เดือนแรก เป้าหมายกลุ่มอาชีพอิสระ หาบเร่ แผงลอย 1 แสนราย พร้อมอนุมัติสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมง ระยะที่ 2 วงเงิน 5,000 ล้านบาท ขณะที่คลังปิด 3 โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เม็ดเงินสะพัด 4.26 หมื่นล้านบาท ดันจีดีพีได้ 0.12%
นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรรและสมาคมอาคารชุดไทย ไม่เห็นด้วยกับกรณีที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไม่ต่ออายุมาตรการแอลทีวีหรือหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย เพราะขณะนี้เศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวกลับมาเต็มที่ อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยยังมีแนวโน้มปรับขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะกระทบกับกำลังซื้อ รวมไปถึงเงินเฟ้อและราคาต้นทุนสินค้ายังปรับตัวสูงขึ้นอีก
*หุ้นเด่นวันนี้

บมจ. เบทาโกร (BTG) บริษัทอาหารชั้นนำระดับสากลที่มีโมเดลธุรกิจแบบครบวงจร และเป็นผู้นำเรื่องคุณภาพและความปลอดภัยด้านอาหารระดับสูง ก้าวสู่การเป็น World-Class Food & Agro Total Solutions Provider พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 2 พ.ย. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 77,392 ล้านบาท โดยราคา IPO ที่ 40.00 บาท
BANPU (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 13.20 บาท เก็งงบไตรมาส 3/65 โตเด่น +228%YoY- 10%QoQ ที่ 1.15 หมื่นลบ.หนุนด้วยราคาขายถ่านหินเฉลี่ยที่ USD209/ton ทรงตัวสูงจากภาวะอุปทานตึงตัว เช่นเดียวกับราคาก๊าซธรรมชาติ ไตรมาส 4/65 ถือเป็นPeak Season การใช้พลังงานฤดูหนาวของยุโรปท่ามกลางภาวะขาดแคลนพลังงานทำให้ราคาก๊าซทรงตัวสูงหนุนผลประกอบการช่วงปลายปี ประเมินกำไรสุทธิปี 65-66 ที่ 4.13 หมื่น ลบ. และ 3.1 หมื่น ลบ. +235%YoY, -37%YoY ตามลำดับ
PLANB (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า 8.50 ธุรกิจสื่อ OOH กำลังเข้าสู่ช่วงขาขึ้น งบที่ชะลอตัวในไตรมาส 3/65 เป็นโอกาสในการเข้าซื้อ คาดหวังกำไรฟื้นตัวในไตรมาส 4/65 และกลับมาทำ All Time high ในปีหน้า
EKH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 9.30 บาท คาดกำไรไตรมาส 3/65 +34% Q-Q จาก High Season หนุนผู้ป่วย Non-COVID-19 โตเด่น แต่ -58% Y-Y จากฐานสูงปีก่อนเนื่องจากมีเดลต้าระบาดหนัก ส่วนด้าน Margin คาดปรับตัวดีขึ้นจาก Operating Leverage หลังต่ำผิดปกติไตรมาสก่อน แนวโน้มกำไร ไตรมาส 4/65 คาดได้แรงหนุนจากการบันทึกกำไรของเงินลงทุนใน KLINIQ ที่ถือหุ้นอยู่สัดส่วน 10% ส่วนการดำเนินงานหลัก Utilization Rate ปัจจุบันยังค่อนข้างเต็ม นอกจากนี้จะมี Catalyst บวกหากจีนผ่อนปรนนโยบาย Zero COVID หรือการเดินทางระหว่างประเทศ เป็นบวกต่อธุรกิจ IVF