• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งขึ้นต่อตาม Sentiment ตปท.ขานรับงบแบงก์สหรัฐออกมาดี

Started by luktan1479, October 28, 2022, 01:50:00 PM

Previous topic - Next topic

luktan1479


นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งขึ้นได้ต่อ ตาม Sentiment ตลาดต่างประเทศที่เคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวก ตอบรับการเปิดเผยผลประกอบการหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของสหรัฐ ออกมาดี รวมถึงบ้านเราที่ประกาศออกมาแล้วก็ดีเช่นกัน ทำให้ตลาดหันมาโฟกัสเรื่องนี่ จึงลดความกังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลง

วันนี้ ตลาดหุ้นบ้านเรามีโอกาสขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,600 จุด หากผ่านไปได้จะมีแนวต้านถัดไปที่ 1,610 จุด และมีแนวรับที่ 1,585-1,575 จุด แนะติดตามการประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/65 ของบริษัทจดทะเบียนไทยที่จะทยอยออกมาต่อเนื่อง โดยวันนี้คาดว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่จะเริ่มทยอยประกาศ รวมทั้งติดตามความชัดเจนงบเยียวยาและแก้ไขสถานการณ์น้ำท่วม และค่าเงินบาทที่เริ่มชะลอการอ่อนค่า ทำให้เงินทุนต่างชาติที่ไหลออกต่อเนื่องผ่อนคลายได้บ้าง

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (18 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,523.80 จุด เพิ่มขึ้น 337.98 จุด หรือ +1.12%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,719.98 จุด เพิ่มขึ้น 42.03 จุด หรือ +1.14% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,772.40 จุด เพิ่มขึ้น 96.60 จุด หรือ +0.90%
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,225.17 จุด เพิ่มขึ้น 69.03 จุด หรือ +0.25%, , ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 16,805.91 จุด ลดลง 108.67 จุด หรือ -0.64% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,073.26 จุด ลดลง 7.70 จุด หรือ -0.25%
ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ต.ค.65.) ที่ระดับ 1,590.36 จุด เพิ่มขึ้น 18.96 จุด, +1.21%
นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 423.44 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ต.ค.65
ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.(18 ต.ค.)ลดลง 2.64 ดอลลาร์ หรือ 3.1% ปิดที่ 82.82 ดอลลาร์/บาร์เรล
ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 ต.ค.) อยู่ที่ 5.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
เงินบาทเปิด 38.07 จับตา Flow หลังต่างชาติขายพันธบัตรต่อเนื่อง ให้กรอบ 38.00-38.20
"ฟิทช์ เรทติ้ง" คาดเศรษฐกิจไทยปีนี้โต 3.1% ปี 2566 ขยับเพิ่มเป็น 4.2% อานิสงส์ภาคอุตสาหกรรม-ท่องเที่ยวทยอยฟื้นตัว ประเมินธุรกิจธนาคารรายได้แจ่ม ห่วงหนี้เสียปะทุหลังหมดมาตรการผ่อนปรนช่วงโควิด-19 ปีหน้าจับตา "ธุรกิจอาหาร-ค้าปลีก-โทรคมนาคม-ซีเมนต์-วัสดุก่อสร้าง" ดาวเด่นกำไรพุ่ง
รัฐบาลเข็นแผนเยียวยาน้ำท่วม-กระตุ้นเศรษฐกิจ โค้งสุดท้ายปลายปี 65 มั่นใจประคองจีดีพีโตแตะ 3.3% ระดมแบงก์รัฐ-คลัง-พลังงาน เฟ้นเงื่อนไขยกเว้น,ลดหย่อนภาษีและอุดหนุน ธุรกิจและประชาชนพื้นที่ประสบอุทกภัย ย้ำจ่ายไม่ต่ำกว่าครัวเรือนละ 3,000 บาท ชงครม.สัปดาห์หน้า เคาะข้อสรุป
รัฐบาลเร่งเครื่องดึงลงทุน "สุพัฒนพงษ์" เผยต่างชาติสนลงทุนไทย ต่อเนื่อง ชี้จะมีข่าวดีบริษัทยักษ์เตรียมลงทุนในไทยเพิ่ม เร่งมาตรการลงทุนแบตอีวี-สมาร์ท อิเล็กทรอนิกส์ "อะเมซอน" ลงทุนเฉียด 2 แสนล้าน ดันดาต้าเซ็นเตอร์ใหญ่ที่สุดในประเทศ ให้บริการคลาวด์ครบวงจร หนุนไทย ศูนย์กลางดิจิทัล "บีโอไอ" ชี้หนุนเอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ ทรานส์ฟอร์มดิจิทัล
กระทรวงการคลังได้หารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (18 ต.ค.) เกี่ยวกับข้อเสนอของบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือเครดิตบูโร ที่เสนอให้แก้ไขกฎหมายพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ.2545 โดยนำสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (นอนแบงก์) เช่น ธุรกิจลีสซิ่ง เช่าซื้อ รวมไปถึงนาโนไฟแนนซ์และฟิโกไฟแนนซ์ เป็นต้น ให้เป็นสมาชิกเพื่อนำส่งข้อมูลให้เครดิตบูโรได้ เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการประเมินสินเชื่อให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
*หุ้นเด่นวันนี้

บมจ.ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย (AMARC) เริ่มเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันนี้ชื่อย่อ "AMARC" ราคา IPO ที่ 2.90 บาท
AMARC ประกอบธุรกิจเป็นผู้ให้บริการห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ในประเทศไทย ซึ่งมีผู้ให้บริการจำนวนน้อยราย โดย AMARC มีข้อได้เปรียบในการแข่งขันจากการครอบครองใบอนุญาตและรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลมาตรฐาน ทำให้สามารถให้บริการทางวิทยาศาสตร์ครอบคลุมตั้งแต่ปัจจัยการผลิตต้นน้ำถึงอุตสาหกรรมขั้นปลายน้ำ เพิ่มโอกาสแข่งขันแก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเกษตร อาหาร ปัจจุบัน มีบุคลากรทางวิทยาศาสตร์กว่า 120 คน และเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์กว่า 400 เครื่อง

CENTEL (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 52.00 บาท คาด Occ. Rate และ RevPAR ทำจุดสูงสุดในรอบปี (เริ่มไตรมาส 3/65) หลังการเปิดประเทศอย่างการ ล่าสุด ททท.เผยนักท่องเที่ยว 9 เดือน ทะลุ 6 ล้านคน เป้าหมายสิ้นปีที่ 10 ล้านคน ไม่ยากเย็น
ลุ้นกำไรไตรมาส 3/65 เติบโต Turnaround เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/64 และจะเติบโตเด่น QoQ โรมแรม Flagship อย่าง เซ็นทาราแอท เซ็นทรัลเวิร์ล Renovate เสร็จตั้งแต่ต้นปี ดังนั้นจะมีรายได้อย่างเต็มที่ใน 2H22 DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2565 ที่ 307 ลบ. พลิกจากขาดทุนในปีก่อน ส่วนปี 2566 คาดกำไรที่ 1,437 ลบ +369%YoY ตามลำดับ
EPG (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า 14.5 บาท ผลกำไรผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และจะเห็นการฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 2 ปั 65/66 (ก.ค.-ก.ย.) หนุนโดยธุรกิจยานยนต์ดีขึ้นตามยอดขายรถยนต์ และธุรกิจฉนวนฯ ได้ประโยชน์จากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงตามน้ำมัน
HMPRO (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อเก็งกำไร" ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 16.60 บาท) คาดครึ่งปีหลังยังฟื้นตัวได้ต่อเนื่องทั้ง YoY และจากครึ่งปีแรก ได้แรงหนุน Covid-19 คลี่คลาย การกลับมารับรู้ค่าเช่า ประเด็นบวกจากซ่อมแซมบ้าน(น้ำท่วม/ฤดูฝน) และการฟื้นตัวของตลาดอสังหาฯ บริษัทยังคงกลยุทธ์เน้นสินค้า Private Brands และการขยายสาขาในประเทศ(ปี 65 ตั้งเป้าราว 7 สาขา; HomePro 2 สาขา และ Mega Home 5 สาขา) ที่ระยะถัดไปการลงทุนในเวียดนามยังคงน่าสนใจ ทั้งนี้ คาด EPS ปี 65 และ ปี 66 จะเติบโตต่อเนื่องจากปี 64 ที่ 0.41 บาท/หุ้น มาอยู่ที่ 0.49 บาท/หุ้น, และ 0.53 บาท/หุ้น ตามลำดับ